ข่าวกีฬา เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล

UFAX10

ข่าวกีฬา ประกาศเจตนารมย์ชัดเจนว่าจะมีการปรับเปลี่ยนทีมยกใหญ่ หรือ “โรเตชั่น” ในแมตช์เยือน เอซี มิลาน ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม บี เกมสุดท้าย วันอังคารที่ 7 ธันวาคมนี้

สำหรับสถานการณ์ของ “หงส์แดง” พวกเขาลอยลำเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่มไปแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม และเป็นโอกาสดีที่นักเตะสำรองกับดาวรุ่งจะได้โชว์ฝีเท้าในเวทีใหญ่แบบนี้

ขณะที่ มิลาน งานนี้พวกเขาต้องลุ้นทีมตัวเองเอาชนะผู้มาเยือนให้ได้ และยังต้องไปสวดภาวนาให้ เอฟซี ปอร์โต้ เสมอ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งจะทำให้ตั๋วใบสุดท้ายตกมาอยู่ในมือพวกเขา

1. ปรับเปลี่ยนแบบยกชุด

ที่สำคัญ ลิเวอร์พูล เข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่มไปแล้ว ยิ่งไม่มีอะไรต้องคิดมาก ฉะนั้นสาวก “เดอะ ค็อป” คงจะได้เห็นผู้เล่นสำรอง และบรรดาดาวรุ่งได้ลงเคาะสนิทออกจากหน้าแข้งแน่นอน

ที่น่าสนใจก็คือบรรดา “หงส์วัยกระเต๊าะ” อย่าง ไทเลอร์ มอร์ตัน, คอนอร์ แบรดลี่ย์ และ เอไลจาห์ ดิกสัน-บอนเนอร์ มีโอกาสลงซ้อมกับทีมชุดใหญ่ งานนี้มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะได้ลงเล่นตัวจริงในเกมที่สนามซาน ซิโร่

2. อิบราพร้อมหักปีกหงส์

หัวหอกชาวสวีดิช ตะบันให้ เอซี มิลาน ไปแล้ว 6 ประตูจาก 12 เกมในการแข่งขันทุกรายการ แน่นอนว่าเขายังคงเป็นตัวความหวังในการยิงประตูยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ มิลาน ต้องเซ็งคงหนีไม่พ้นการที่พวกเขาไม่มี ซิมง เคียร์ ปราการหลังจอมแกร่งที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่า และไม่สามารถลงเล่นให้กับต้นสังกัดในช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้ได้อีกแล้ว

แน่นอนว่า สเตฟาโน่ ปิโอลี่ กุนซือมิลาน จำเป็นต้องจัดชุดใหญ่ในการทำศึกสำคัญนี้ และมีโอกาสกำชัยชนะสูงมาก เนื่องจาก คล็อปป์ ประกาศชัดเจนว่าจะโรเตชั่นแบบยกแผง

3. มหาเทพโอริกี้ นำทัพแนวรุก

ส่วนหน้าเป้า ดิว็อค โอริกี้ ได้ทำหน้าที่สำคัญนี้ หลังจากเพิ่งจะสวมบทมหาเทพด้วยการซัดประตูชัยในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย นำต้นสังกัดเฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส เกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ขณะที่นักเตะอีกคนที่จะได้รับโอกาสทะลุทะลวงเกมรับ มิลาน ก็คือ ทาคุมิ มินามิโนะ ซึ่งผลงานในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการสวมบทสามประสานในแมตช์นี้ สตาร์ลูกหนังชาวญี่ปุ่น น่าจะสร้างโอกาสได้มากยิ่งขึ้น

4. มุ่งมั่นคว้าชัยทีมจากเกาะอังกฤษครั้งแรกในรอบ 9 ปี

จริงๆ แล้ว มิลาน ไม่สามารถเอาชนะทีมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในเกมแบบนี้นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2012 โดยในตอนนั้นแมตช์สุดท้ายที่พวกเขาชนะทีมจากอังกฤษ ก็คือการไล่ต้อน อาร์เซน่อล 4-0 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ทัพ “รอสโซเนรี่” สะกดคำว่าชนะไม่เป็นอีกเลยนับตั้งแต่นั้น โดยตลอดการแข่งขันกับทีมจากอังกฤษ จำนวน 6 แมตช์หลังสุด พวกเขาแพ้ไป 5 เกมและเสมอเพียง 1 แมตช์เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้การคว่ำทีมจากอังกฤษในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป ถือเป็นแรงกระตุ้นสำคัญสำหรับนักเตะมิลาน เพราะหากพวกเขาเอาชนะได้ งานนี้ยังมีลุ้นได้โบนัสเป็นตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วย

5. อันดับ 2 กลุ่มบี ยังมีลุ้นทั้ง 3 ทีม

หลังจากจับสลากแบ่งสายรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกเสียงพูดเหมือนกันว่า กลุ่ม บี คือ กรุ๊ป ออฟ เดธ หรือ “กลุ่มแห่งความตาย” เพราะทีมร่วมกลุ่มทั้งมีชื่อเสียงและแข็งแกร่งมากๆ

กระนั้นพอการแข่งขันผ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง แอตเลติโก มาดริด, เอฟซี ปอร์โต้ และ เอซี มิลาน ได้อย่างไม่ยากเย็นนักทำให้ “หงส์แดง” ตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่มสบายๆ

ขอบคุณข่าว : https://www.siamsport.co.th/

สนใจสมัคร ติดต่อ : exploreburn.com